วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ส่ง LINE Nortify ด้วย PHP




Line notify คืออะไร? << คลิ๊ก >> 

ในบทความนี้ผมจะมาพูดถึงวิธีการแจ้งเตือนผ่าน LINE โดยเราจะให้ระบบแจ้งเตือนผ่าน LINE Nortify โดยใช้ Script PHP ซึ่งท่านสามารถ Download ไฟล์ต่างๆ ได้ ==> << คลิ๊กที่นี่ >>  

เกริ่นนำก่อนเข้าสู่เนื้อหานิดนึงนะครับ Line Nortify กับ Line Message API (LINE Bot) นั้นเป็นบริการคนละตัวนะครับ Line Norfify จะเป็นบริการที่ใช้ส่งข้อความเข้า LINE กลุ่มต่างๆโดยที่ User ต้องไปสร้าง Token ของกลุ่มขึ้นมา แต่ LINE Bot นั้นเป็นบริการที่ใช้ตอบโต้กับ User ตรงๆแบบตัวต่อตัวซึ่ง LINE Bot จะเป็นบริการของ LINE Official ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการส่งข้อความจากระบบครับ

ขั้นตอนที่ 1 สร้าง LINE Token  ในขั้นตอนนี้หาได้ใน Google เลยนะครับ "วิธีขอ LINE Token" หรือ คลิ๊กที่นี่ 

ขั้นตอนที่ 2 เมื่อ Download ไฟล์ PHP ของผมกลับมาแล้วเมื่อแตก ZIP ไฟล์ออกจะพบไฟล์อยู่ 3 ไฟล์


ขั้นตอนที่ 3 ลองเปิดไฟล์ Test.php ดูนะครับ วิธีการใช้งานไม่ได้ยากเย็นอะไรขอ Token มาให้ได้ก่อนแล้วก็เอาค่ามาใส่ในตัวแปรครับ


ขั้นตอนที่ 4 ลองทดสอบการส่ง LINE ดูครับ 


มันก็จะประมาณนี้ล่ะครับ...







วันจันทร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2563

ติดตั้ง Xrdp Server (Remote Desktop) บน Ubuntu 18.04



สั้นๆตามนี้เลยครับ

How to Install Xrdp Server (Remote Desktop) on Ubuntu 18.04
https://linuxize.com/p…/how-to-install-xrdp-on-ubuntu-18-04/
Fix problem ถ้าเปิดมาแล้วมีแต่จอเขียวหรือจอดำก็ทำตามนี้ครับ
https://c-nergy.be/blog/?p=13390

วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ขอ SSL ฟรี จาก SSL For Free วางบน Hosting ผ่าน Direct Admin

จากบทความเดิม http://tanasith.blogspot.com/2017/05/ssl-lets-encrypt-apache-windows.html เราได้ใช้ SSL จาก Let's Encrypt มาใช้บน Server ของเรา ในบทความนี้จะพูดถึงกรณีที่เราเช่า Hosting แล้วอยากใช้ SSL ล่ะ ต้องทำยังไง (ในตอนท้ายผมเพิ่มเติมเทคนิคการนำไปใช้บน Server ของเราเองไว้ให้ด้วยนะครับ คอนเฟริมเลยว่าตัวนี้ใช้ง่ายมากครับ)

เวปไซด์สำหรับขอ SSL ฟรี คือ https://www.sslforfree.com/  มีอายุการใช้งาน 90 วันนะครับ หมดอายุก็ Gen ใหม่ครับ

ขั้นตอนการเพิ่ม SSL ลงบน Hosting 

1. เข้าไปที่เวปไซด์แล้วไประบุ URL ที่ต้องการขอ SSL จากนั้นคลิ๊กปุ่ม Create Free SSL
2. เลือก Manual Verification


3. เปิด FTP หรือระบบจัดการไฟล์จาก hosting control panel แล้วสร้างโฟลเดอร์ .well-known/acme-challenge ไว้ในตำแหน่งโฟลเดอร์หลักของโดเมน เช่น ใน /public_html เป็นต้น


4. ทำตามขั้นตอนตามรูป



5. ถ้าดำเนินการถูกต้องในขั้นตอนข้อ 4 เมื่อคลิ๊ก Verify link จะปรากฏ Key ที่เรา Upload ไปวางบน Hosting ขึ้นมา และ เมื่อคลิ๊กปุ่ม Download SSL Certificate ขึ้นมาจะปรากฏ Certificate Files ขึ้นมา 3 ชุด ให้เรา Copy ข้อความทั้ง 3 ชุดไปวางที่หน้าจัดการ SSL ของ Control Panel 




เรียบร้อยครับ การเชื่อมต่อปลอดภัย


**เพิ่มเติม กรณีที่ต้องการจะนำ SSL ไปวางไว้บน Server นะครับ จากข้อ 5 ให้เรา Download เป็นไฟล์กลับมาเราจะได้ไล์มา 3 ไฟล์ คือ ca_bundle.crt , certificate.crt และ  private.key จากนั้นให้เราไปแก้ไข Config ของ Web Server ตรงบรรทัด SSLEngine on ดังนี้ 


แล้วให้ Restart Webserver ก็จะได้ SSL มาใช้บน Server ของเราไปอีก 90 วันครับ...

 หวังว่าบทความนี้คงจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ..

ขอขอบคุณ SSL For Free / Let's Encryt ที่พัฒนา SSL ฟรี ดีๆให้พวกเราได้มีโอกาสใช้กันครับ





วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2561

วิธีจัดการไวรัสกิน Icon หน้าจอ Desktop และ ไฟล์ EXE



ตอนนี้ (เดือน กันยายน 2561) โรงพยาบาลหลายแห่งในจังหวัดผมโดนไวรัสเล่นงานอย่างหนัก ซึ่งบางโรงพยาบาลโดนหนักถึงขนาดให้บริการคนไข้ไม่ได้ไปเลยทีเดียว ไวรัสชื่ออะไรไม่รู้ (เหมือนจะมีมากกว่า 1 ตัวด้วย) อาการหลักๆ เท่าที่ทราบ คือ

1. เริ่มจากเครื่องคอมพิวเตอร์จะแฮงค์แล้วขึ้น BlueScreen (จอฟ้า) ซึ่งเป็นอุบายของเจ้าไวรัสที่ต้องการให้ User Reboot เครื่องใหม่เพื่อจะให้ตัวมันทำงานทุกครั้งพร้อมกับ Windows มันจะเขียนตัวเองลงใน Register ของระบบ 

2. เมื่อมันทำงานได้วิธีการของมัน คือ มันจะแพร่ตัวเองผ่านวง LAN เครื่องไหนที่ต่อสาย LAN ไว้จะติดไวรัสโดยไม่รู้ตัว ซึ่งผมคาดว่าน่าจะเจาะผ่าน SMB V1.0 ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่ถูก Hack ใน Windows ที่ Microsoft เลิก Support แล้ว (พบว่าเครื่องที่เป็น Windows 10 ไม่มีอาการใดๆ แต่ Win7 และ XP โดนทุกเครื่อง)

3. เครื่องที่ติดไวรัสพบว่า Icon ที่หน้าจอ Desktop จะหายไป และ ไฟล์ EXE ซึ่งเป็นไฟล์ของโปรแกรมต่างๆถูกลบหายไปเรื่อยๆ จนเครื่องคอมฯ ไม่สามารถใช้งานได้

4. Admin หลายท่านพยายามจะลบลงใหม่ แต่พอเสียบสาย LAN อาการเดิมก็มาอีก


วิธีการจัดการ 
ในการจัดการเจ้าไวรัสชุดนี้ต้องใช้หลักระบาดวิทยามาช่วย (เพราะมันระบาดเหมือนโรคระบาดเลยทีเดียว) นั่นคือ

1. ถ้าพบว่าเครื่องไหนมีอาการขึ้น BlueScreen (จอฟ้า) ให้ถอดสาย LAN ออกเพื่อตัดวงจรการระบาดก่อน... เครื่องที่ติดไวรัแนะนำให้ล้างเครื่องลง Windows ใหม่เลยนะครับ เมื่อลงใหม่แล้วให้ทำตาม ข้อ 2 เป็นต้นไป ย้ำเลยนะครับ ประชาสัมพันธ์ให้ จนท. ทราบว่าหากเครื่องมีอาการจอฟ้าให้ถอดสาย LAN ก่อนรีบูตเครื่องนะครับ ไม่เช่นนนั้นไวรัสจะกระจายลงในวง LAN ทันที 

2. Block Port 135,139,445 ไวรัสจะโจมตีผ่าน Port เหล่านี้แต่เมื่อปิด Port แล้วคุณจะแชร์ทรัพยากรของเครื่องไม่ได้นะครับ

3. กรณีใช้ Windows7 , Windows Server 2008 ต้องเข้าไปปิด SMB10 ด้วย PowerShell วิธีปิด คลิ๊กที่นี่

สำหรับเครื่องที่ยังไม่ติดไวรัส

3. ให้ Update Patch ความปลอดภัยของ Windows  >> 
4. Update ตัว Data ของโปรแกรม Scan Virus ให้เป็นปัจจุบัน

5. ปิด Share ถ้าจำเป็นต้อง Share Printer ให้ตั้งค่าตามรูป


6. สำหรับเครื่องที่ต้องใช้ในการให้บริการประชาชน เช่น OPD WARD ให้ติดตั้งโปรแกรมพวก Recovery Windows กลับมาเป็นเหมือนเดิมหลังจาก Restart เครื่องด้วย เนื่องจากหากไม่ติดตั้งอาจมีความเสี่ยงที่จะให้บริการต่างๆต้องหยุดชะงักได้

เพิ่มเติม.. สำหรับท่านที่จะแก้ปัญหาด้วยการลง Windows 10 แล้วรำคาญจิตกับการบังคับ Update ของมัน นี่เลยครับโปรแกรมปิด Update ผมทดลองแล้วหยุดได้จริง

Download >> https://www.novirusthanks.org/products/win-update-stop/

วิธีใช้ >> https://notebookspec.com/tool-windows-update/448093/


หวังว่าบนความนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับ Admin ที่ต้องเจอกับเรื่องน่าปวดหัวแบบนี้นะครับ... 


Mi Band 3 Update Firmware แสดงข้อความภาษาไทย

สำหรับใครที่สนใจ Smart Watch เอาไว้ออกกำลังกายในราคาไม่เกิน 1,000 บาท แล้วแสตนบายด์ได้นานหลายวันก็คงต้องเป็นเจ้า Mi Band นี่ล่ะครับ สำหรับใครอยากรู้จักกับมันก็ดูจากคลิปแนะนำนี้นะครับ



แต่ประเด็นที่ผมจะพูดถึงในวันนี้ (ณ วันที่ 13 กันยายน 2561) คือ การทำให้เจ้า Mi Band 3 แสดงผลเป็นภาษาไทยนะครับ ซึ่ง ณ วันนี้ผมเพิ่งได้เจ้า Mi Band 3 ที่ Update Firmware เป็น Eng Version มาครอบครองเป็นเจ้าของแล้ว แต่ปัญหาที่เจอคือ เมื่อเราติดตั้ง App Mi Fit แล้วมันให้ Update Firmware เป็น Version ล่าสุดแล้ว เจ้า Mi Band 3 กลับมาเป็นภาษาจีนอีก อีกทั้งถ้าจะตั้งเมนูให้เป็น Eng เราต้องไปตั้งค่าภาษาโทรศัพท์ของเราให้เป็น Eng ด้วย เจ้า Mi Band 3 ถึงจะแสดงเมนูเป็นภาษาอังกฤษ... แต่เวลาเราใช้โทรศัพท์นี่สิครับ ต้องมานั่งไล่หาเมนู Eng กันอีก เฮ้อ...

เมื่อเป็นแบบนี้ผมเลยคิดว่า วิธีการที่ได้ผลที่สุด ก็ไม่พ้น ต้อง Downgrade Firmware และ Mi Fit ให้เป็น Version ที่ต่ำกว่า Version ล่าสุดลงมา ซึ่งเป็นวิธีการที่ผมทำแล้วมัน Work ครับ (ยอมแลกมากับความเสี่ยงที่จะเสียเจ้า Mi Band 3 กันไปเลยทีเดียว)

คำเตือน!! ถ้าท่านไม่มั่นใจก็ไม่ต้องอ่านข้อความถัดจากนี้ไปนะครับ ก่อนที่จะอ่านบรรทัดต่อไปผมขอบอกก่อนว่าหาก Mi Band ท่านมีปัญหาผมไม่ขอรับผิดชอบในสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเจ้า Mi Band ของท่านนะครับ

วิธีการ Update Firmware ให้แสดงภาษาไทย 

ขั้นเตรียมการ ให้ Download ไฟล์มาไว้ในโทรศัพท์นะครับ
-  Mi Band 3  English Firmware 1.5.0.2 >> Download
- App Mi Fit Verion 3.4.6.8 >> Download
ที่มา : https://geekdoing.com

1. Download App  Notify & Fitness for Mi Band  มาติดตั้ง  


2. จับคู่เจ้า Mi Band 3 กับ App ให้เรียบร้อย เมื่อจับคู่ได้แล้วให้เปิดเมนู "การตั้งค่า" ขึ้นมา


3. ที่หน้าจอตั้งค่าให้คลิ๊กปุ่ม "อัพเดท" ตรง เวอร์ชั่นเฟริมแวร์ของ Mi Band


4. เลือก Custom Firmware 


5. เลือกไฟล์  English Firmware 1.5.0.2 ที่ Download มาไว้ในเครื่องแล้ว


6. รอจนทุกอย่างเรียบร้อย ให้ทำการติดตั้ง Mi Fit Verion 3.4.6.8  ถ้ามี Version ใหม่กว่าให้ถอนการติดตั้งออกไปก่อน (ก่อนติดตั้งต้องไปตั้งค่าความปลอดภัยให้ยอมรับ App ที่มาจากแหล่งที่มาที่ไม่รู้จักก่อนนะครับ)




เสร็จเรียบร้อยก็ลองเปิด Mi Fit มาตรวจสอบ Version ดูนะครับ ทีนี้ถ้ามีการแจ้ง Update Version Mi Fit อย่าไปตอบตกลงเชียวนะครับ Mi Band ของท่านอาจจะได้กลับมาเป็นภาษาจีนอีกก็เป็นได้ เตือนไว้ด้วยความหวังดี รอให้ทาง Xiami เขาทำ App มารองรับภาษาไทยก่อนค่อยว่ากันนะครับ...



รีบูตโทรศัพท์อีกสักทีเพื่อความชัวร์ แล้วก็ไปตั้งค่าแจ้งเตือนต่างๆเสียนะครับ ลองทดสอบอ่าน SMS ผลก็ปรากฏดังภาพ...




สุดท้ายนี้หวังว่าบทความนี้คงจะเป็นประโยชน์กับท่านที่เป็นเจ้าของ Mi Band ทุกท่านนะครับ ย้ำอีกครั้งนะครับผมไม่ขอรับผิดชอบใดๆ ในความผิดพลาดต่างๆที่เกิดขึ้นกับ Mi Band ของท่านนะครับ

สวัสดีครับ....











วันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

วิธีการติดตั้ง SSL ฟรี จาก "Let's Encrypt" บน Apache Windows





Let’s Encrypt เป็นผู้ออกใบรับรองดิจิตอล (Certificate Authority) ซึ่งมี Internet Security Research Group เป็นผู้สนับสนุน มีจุดมุ่งหมายที่จะให้เกิดระบบความปลอดภัยบนเวปไซด์  และให้เข้าถึงการใช้ SSL ได้โดยง่าย ที่สำคัญ ฟรี! ซึ่งช่วยให้เราลดภาระค่าใช้จ่ายรายปีในการเช่าซื้อ SSL  

เนื้อหาในบทความนี้จะกล่าวถึงวิธีการตั้งค่าให้เวปไซด์ของเราทำงานบน HTTPS บน Apache Windows 




(1) Download เครื่องมือสำหรับสร้าง SSL Certificate  (letsencrypt-win-simple)




letsencrypt-win-simple เป็นโปรแกรมสำหรับใช้สร้าง SSL Certificate  บน Windows สามารถ Downlaod ได้ที่นี่ :  https://goo.gl/rBJ95d





(2) ทดสอบการสร้าง SSL Certificate 

หลังจากที่ Download ไฟล์มาแล้วให้เราแตก zip ออกมา และทดสอบการสร้าง SSL Certificate 
ให้เปิด Command Prompt หรือ พิมพ์ cmd ที่ Run แล้วพิมพ์คำสั่ง
cd C:\letsencrypt-win-simple


สั่งสร้าง Certificate บน Test mode โดยใช้คำสั่ง


letsencrypt.exe --manualhost <domain-name> --webroot <document-root> --test
<domain-name> คือ ชื่อเวปไซด์ที่ต้องการสร้าง Certifacate เช่น www.tong.com   
<document-root> คือ Root Path ของเวปไซด์ เช่น "C:\xampp\htdocs" 
ตัวอย่าง
letsencrypt.exe --manualhost www.tong.com --webroot "C:\xampp\htdocs" --test
ถ้าสร้างได้สำเร็จจะปรากฏข้อความดังนี้
Authorizing Identifier <domain-name> Using Challenge Type http-01
 Writing challenge answer to <document-root>\.well-known/acme-challenge/<challenge-text>
 Answer should now be browsable at <document-root>/.well-known/acme-challenge/<challenge-text>
 Submitting answer
 Refreshing authorization
 Authorization Result: valid

Requesting Certificate
 Request Status: Created
 Saving Certificate to C:\Users\<username>\AppData\Roaming\letsencrypt-win-simple\httpsacme-stage.api.letsencrypt.org\<domain-name>-crt.der
 Saving Issuer Certificate to D:\Users\<username>\AppData\Roaming\letsencrypt-win-simple\httpsacme-stage.api.letsencrypt.org\ca-<hex>-crt.pem
 Saving Certificate to D:\Users\<username>\AppData\Roaming\letsencrypt-win-simple\httpsacme-stage.api.letsencrypt.org\<domain-name>-all.pfx



(3) สร้าง SSL Certificate 

เมื่อทดสอบผ่านแล้วให้เราสั่งสร้าง SSL Certificate โดยใช้คำสั่ง (เอาคำสั่ง --test ออก) 
letsencrypt.exe --manualhost <domain-name> --webroot <document-root>

(4) แก้ Config Apache (httpd.conf) 

เพิ่ม SSL Certificate Path ลงใน <VirtualHost>
** อย่าลืมเปิด
LoadModule vhost_alias_module modules/mod_vhost_alias.so
ด้วยนะครับ
<VirtualHost *:443>
    ServerAdmin admin@tong.com
    ServerName www.tong.com
    
    SSLEngine on
    SSLCertificateFile "C:/Users/<username>/AppData/Roaming/letsencrypt-win-simple/httpsacme-v01.api.letsencrypt.org/<domain-name>-crt.pem"
    SSLCertificateKeyFile "C:/Users/<username>/AppData/Roaming/letsencrypt-win-simple/httpsacme-v01.api.letsencrypt.org/<domain-name>-key.pem"
    SSLCertificateChainFile "C:/Users/<username>/AppData/Roaming/letsencrypt-win-simple/httpsacme-v01.api.letsencrypt.org/<domain-name>-chain.pem"    
   
    DocumentRoot "C:/xampp/htdocs"
    <Directory "C:/xampp/htdocs">
        Options Indexes FollowSymLinks
        AllowOverride None
        Order allow,deny
        Allow from all
    </Directory>
</VirtualHost>
<domain-name> คือ ชื่อเวปไซด์ที่ต้องการสร้าง Certifacate เช่น www.tong.com <username> คือ Folder User ของ Windows

(5) Restart Apache 

------ The END ------

หมายเหตุ : ให้ระวังในกรณีที่ Config RootDirectory ของ HTTP กับ HTTPS ไว้คนล่ะที่ 
เพราะ Let's Encrypt จะตรวจสอบ Key กลับมาที่ Port HTTP อาจทำให้เกิด Error 
ไม่พบ Key สำหรับตรวจสอบได้ วิธีการแก้ไข คือ ให้สร้าง SSL ด้วย Path ที่เป็น HTTP 
แล้ว Copy Folder ".well-know" ไปวางไว้ใน HTTPS Path ด้วย
หวังว่าคงจะได้รับประโยชน์จากบทความนี้ไม่มากก็น้อยนะครับ

วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เจาะลึก...รพ.สต.!วันที่เป็น'หมออนามัยหน้าจอ' ภาค 2



พอดีผมได้เห็นข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ หัวข้อ "เจาะลึก...รพ.สต.!วันที่เป็น'หมออนามัยหน้าจอ'" จริงๆแล้วผมเองรู้สึกเฉยๆ และ คิดว่าจะไม่ยุ่ง (แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้)  ตลอดระยะเวลาของการทำงาน IT 10 กว่าปีของผม ตั้งแต่กระทรวงสาธารณสุขเริ่มคิดแนวทางพัฒนาแฟ้มข้อมูลมาตรฐานสำหรับเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงข้อมูลด้านสาธารณสุขจากโปรแกรมที่มีหลากหลายในประเทศไทย เริ่มจาก 18 แฟ้ม-->18+12 แฟ้ม-->21 แฟ้ม-->43 แฟ้ม  และ ล่าสุด New 43 แฟ้มที่กำลังจะประกาศออกมาในปี 2558 นี้

ในความเห็นโดยส่วนตัวของผมกระทรวงสาธารณสุขมีแนวคิดที่มาถูกทางแล้ว และ หากสามารถทำได้จริง โปรแกรมระบบงานสาธารณสุขจะเป็นเหมือน Smart Phone ยิ่งออกมามากเท่าไหร่ก็ต้องยิ่งแข่งกันพัฒนาไม่ใช่ผูกขาดแล้วใช้ความได้เปรียบว่าคนใช้มากกว่ามาเป็นข้อต่อรอง ซึ่งเมื่อใดที่เกิดการบังคับใช้โปรแกรมของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง การพัฒนาจะช้าลง และบริษัทจะเป็นผู้ถือนโยบายแทนส่วนกลาง (ต้องทำงานตามโปรแกรม ไม่ใช่กำหนดให้โปรแกรมตอบระบบงาน)  ซึ่งในเรื่องของการพัฒนาแฟ้มมาตรฐานนั้นต้องอดทนรอคอยเพราะต้องปรับจูนปัญหาที่พบจากการทำงาน และพัฒนาให้ตอบโจทย์การทำงานให้ได้อยู่ตลอดเวลา แต่ในความเป็นจริงแล้วเราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เปลี่ยนแปลงแบบเปลี่ยนทิ้ง สร้างใหม่มาอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ทุกอย่างมันไม่นิ่งแฟ้มที่ควรจะอยู่นิ่งก็ถูกปรับไปด้วย จึงทำให้ทุกอย่างเกิดความยุ่งยากวุ่นวาย เปรียบเสมือนกันกับเด็กกลุ่มนึงที่ไม่มีใครอ่านหนังสือออก แต่กำลังเดาเนื้อหาของหนังสือที่วางอยู่ตรงกลางวงสนทนา...

ก่อนที่ผมจะเข้าเรื่องผมขอเกริ่นนำนิดนึงว่าเรื่องที่ผมจะวิพากษณ์ต่อไปนี้อาจจะยืดยาวสักเล็กน้อย และเป็นความคิดเห็นของผมเพียงคนเดียว จากประสบการณ์ทำงานด้าน IT มาตลอดระยะเวลาตั้งแต่อายุ 20 กว่าปี จนปัจจุบันอายุก็ย่างเข้าเลข 4x แต่สิ่งที่อยากให้เกิดกลับย่ำอยู่กับที่ และหวังว่าก่อนเกษียณผมคงจะได้เห็นระบบที่ฝันไว้เกิดขึ้นจริง...

เข้าเรื่องนะครับบังเอิญผมเห็นเนื้อหาข่าวที่หลายๆท่าน Share กันอยู่บน Social Network แล้วก็วิจารณ์กันอย่างมันส์ในอารมณ์ในสถานการณ์ที่กำลังครุกรุ่นวุ่นวายภายในกระทรวงสาธารณสุข




เนื้อหาข่าว : http://www.komchadluek.net/mobile/detail/20140619/186751.html


อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวที่ผม Post ไว้ใน Social Media ผมเองไม่ได้เข้าข้างฝั่งใดและขอพูดตามเนื้อผ้า ตามหน้างานที่ผมเห็นมา(เป็นความเห็นส่วนตัวของผมทั้งสิ้น)

เมื่ออ่านเนื้อหาตามข่าวเสร็จผมจึงเกิดข้อสงสัย ดังนี้ครับ

เออ...ผมไม่ได้จะขัดนะครับเห็นด้วย แต่ว่า

1. "จึงไม่ควรบีบการทำงานด้วยการกำหนดเวลาที่ต้องส่งบันทึกข้อมูลเพื่อรับเงิน" ใครบังคับหรือครับ ?

- แลกเปลี่ยนตามสิ่งที่เห็น และ รับทราบนะครับ ในเรื่องของข้อมูล สปสช. จ่ายเงินตามข้อมูลที่ส่งไปเท่านั้น ถ้าการคีย์เป็นภาระท่านไม่คีย์ส่งไปทาง สปสช.ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเพราะผลงานของ สปสช. คือ การบริหารจัดการเรื่องเงินเท่านั้น ดังนั้นคำว่า "หากข้อมูลที่ส่งไม่ครบหรือไม่ถูกต้องตามมาตรฐานที่กำหนด เงินที่จะได้รับก็จะถูกตัด" มันไม่มีการตัดนะครับแต่เป็นการจ่ายตามข้อมูลที่ส่งเข้าไปเท่านั้นเอง เช่น ที่จังหวัดผม จนท.หลายคนโทรมาสอบถามผมว่าคีย์ไม่ทันแน่ๆ มีปัญหาอะไรไหม ผมจะบอกว่าไม่ทันไม่เป็นไรแค่ไม่ได้เงินแต่เราเน้นคีย์เพื่อนำข้อมูลมาใช้ดังนั้นการให้สัมภาษณ์ว่า สปสช.บังคับ อาจจะไม่ใช่มันเป็นแค่เกณฑ์การส่งข้อมูลเท่านั้นเอง ส่วนงบประมาณก็ไม่ได้มีส่วนนี้ส่วนเดียวหลายท่านลืมเรื่อง งบฯ PP ที่เหมาจ่ายรายหัวไปแล้วหรือ? ไม่เห็นมีใครพูดถึง งบฯที่ท่านกำลังพูดกันอยู่นี้มันเป็นแค่เป็นเรื่องของการกระตุ้นการคีย์ข้อมูลเท่านั้นเอง เป็นแค่ส่วนนึงของงบฯ ที่ไหลเข้ามาจากงบฯ ที่มีอยู่อีกหลายก้อน

2. "และยกเลิกการบันทึกข้อมูลบางเรื่องที่ไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของหมออนามัย" เรื่องอะไรบ้างที่ไม่ใช่หน้าที่ของหมออนามัยครับ?

- เอ ??? ใน 21 แฟ้มมีเรื่องอะไรบ้างที่ไม่ใช่หน้าที่ของหมออนามัย อืม...นั่นสิ ผมเองกำลังคิดว่าหรือจะกลับไปยุคใช้ระเบียน รบ.1 ก 01 , 02 , 03 กันดี ตัดยาด้วยมือ เก็บข้อมูลด้วยทะเบียนมือ นั่งทอยรี่นับรายงานด้วยมือ... อืม...สำหรับผมประเด็นที่ 2 นี่น่าสนใจกว่าครับ....

3. ผมเองไม่ได้เห็นด้วยกับเรื่องการคีย์ทั้งหมดอยู่แล้ว ไม่เห็นด้วยแม้กระทั่งการต้องส่งข้อมูลรายบุคคลไปให้ส่วนกลาง รวมไปถึงการบังคับใช้โปรแกรมเดียวกัน หลายเรื่องที่มันไร้สาระ แต่ตามเนื้อข่าวที่ผมอ่านมานี่มันเป็นการพูดลักษณะว่าเน่า "เหมาเข่ง" ผมอยากให้ลองคิดดูดีๆครับว่าจริงๆแล้วมันมี ข้อดี ข้อเสีย อะไรมากกน้อยแค่ไหน ควรบอกข้อเสนอแนะทางออกเพื่อแก้ไขด้วยจะ Perfect มากเลยครับ


หลังจากนั้นได้เห็นหลายเจ้าหน้าที่หลายๆท่านพยายามทวงศักดิ์ศรีของหมออนามัยคืนมาผมจึงต้องลงข้อความไปอีกชุดนึงตามนี้

ต้องขอโทษด้วยนะครับถ้าเม้นท์ผมทำให้หลายท่านรู้สึกขัดใจ...แต่สิ่งที่ควรจะกระทำเลย คือ เราต้องเสนอทางออกให้ผู้ใหญ่ครับ ถ้าเราบอกแต่ความอยากแต่ไม่เสนอทางออกมันจะกลายเป็นเพียง "คำบ่น" จากคนทำงาน เขาไม่ทราบหรอกครับว่าต้องมีทางออกอย่างไร? ถ้าเราไม่เสนอไป... ถ้าต้องการให้ปัญหาถูกแก้ไข เราต้องชี้นำวิธีการครับ ข่าวที่เสนอมาข้างต้นเท่าที่ผมอ่านเหมือนเป็นการบ่นเสียมากกว่า... แต่จริงๆแล้วต้องกระเทาะให้เห็นถึงปัญหาครับ ผมขออนุญาตร่ายยาวอีกชุดนะครับ

1. ถามว่าในข้อมูล 21 แฟ้มที่เราคีย์ส่งกันนั้นข้อมูลอะไรที่เป็นภาระ ทั้งหมดจริงหรือไม่? ทำไมสมัยก่อนเราเอาโปรแรมมาใช้งานทั้งๆที่ไม่มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องเรายังคีย์ข้อมูลกันได้ เราคีย์ข้อมูลอะไรกัน?
เท่าที่ผมเห็นตอบตรงๆปัญหาจุกจิกในการคีย์ข้อมูลบางเรื่องมาจากเงื่อนไขที่ทาง จนท.สร้างขึ้นเอง หรือ โปรแกรมบังคับให้ต้องคีย์ เช่น การคัดกรอง DM&HT บางโปรแกรมต้องไปคีย์เป็นบริการด้วยให้ครบสูตรเปิดทั้ง Service ลง Diag ครบครัน ทั้งๆที่จริงๆแล้วไม่จำเป็นต้องลงเลยด้วยซ้ำ ท่านทราบหรือไม่ว่ารหัส Z คัดกรองนั้น สปสช.ไม่คิด Point ให้ ยกเว้นคัดกรอง 3 เรื่องเท่านั้น (จำไม่ได้) แล้วจริงๆแล้วทำไมท่านถึงต้องไปเพิ่มภาระการคีย์(ขออภัยนะครับ เนื่องจากจังหวัดผมใช้ 2 โปรแกรม อีกโปรแกรมนึงมีรายชื่อคนที่ต้องคัดกรองขึ้นมาแล้วคีย์ลงไปตรงๆเลยไม่ต้องไปเปิดบริการลงอะไรให้วุ่นวาย ผมเลยไม่ทราบว่าโปรแกรมอื่นเป็นอย่างไร?)

2. เมื่อตอบคำถามข้อ 1 ได้แล้ว สิ่งที่เป็นปัญหาเราจะมีหาทางออกเช่นไรเพื่อที่จะทวงคุณค่าและศักดิ์ศรีหมออนามัย....ต้องทำงานชุมชนจริงๆ แล้วกระทรวงจะทราบได้อย่างไรว่าเราทำงานชุมชนจริงๆ แน่นอนครับตอนนี้ทางท่านปลัดฯส่งสัญญาณบางอย่างมาแล้วว่าข้อมูลบางเรื่องเราอาจไม่ต้องคีย์ อาจให้ส่งเป็นรายงานแบบเดิม แต่ทางกระทรวง+สตง. อาจจะมีการลงสุ่มโดยการจ้างบริษัทมาลงสำรวจพื้นที่ว่าท่านได้ทำงานชุมชนจริงๆ ตามที่รายงานส่วนกลางไปหรือไม่? ซึ่งนโยบายยังไม่แน่ชัดแต่น่าจะออกมาในรูปแบบแนวๆนี้

ทุกคนทำงานมีความตั้งใจครับแต่ถ้ามันเป็นปัญหาผมอยากให้ท่านวิเคราะห์ว่าจริงๆแล้วนั้นปัญหา คือ อะไร? จากประเด็นที่กำลังกล่าวถึงจริงๆ หรือไม่? แล้วเงื่อนไขที่จะช่วยให้ปัญหาหมดไปมีอะไร? ถ้าหลายเสียงช่วยส่งออกไปในลักษณะนี้ผมคิดว่าปัญหาน่าจะได้รับการแก้ไขแน่นอน เหมือนปัญหา New 43 แฟ้ม ในตอนนี้ เท่าที่ทราบ สปสช.จะใช้ 43 แฟ้ม แต่เงินจะไม่มีการจัดสรรในกองทุน OP แล้ว...ความแน่ชัดรอฟังประกาศอีกครั้ง หรือ ไม่แน่หากกระทรวงยกเลิกการคีย์ข้อมูล(ท่านปลัดฯ ทราบปัญหานี้และลงสอบถามจากพื้นที่เอง) สปสช. อาจจะไม่มีงบฯ สำหรับการดำเนินการส่วนนี้ทั้งหมดเลยก็เป็นได้ ใครจะคีย์ก็คีย์ไป แต่ไม่มีเงินสำหรับเรื่องนี้ก็อาจเป็นได้ครับ


จริงๆแล้วในความเป็นจริงที่ผมรับทราบมามันเป็นเช่นดังที่ผมกล่าวมาในข้อความข้างต้นจริงๆ จนผมไปเห็นข้อความจากพี่สาวของผมที่กล่าวไว้น่าสนใจว่า


ดังนั้น การที่ผมเอาเรื่องนี้มา Post ใน Blog นี้ก็เพื่ออยากให้ จนท.ของเราลองมองดูในเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆว่าปัญหา คือ อะไร แก่นของปัญหาจริงๆแล้วมันอยู่ที่ไหน จริงๆแล้วเราต้องการอะไรกันแน่?

ผมคงไม่มีคำตอบสำหรับเรื่องนี้นะครับ ผมรู้แต่ว่าในส่วนของผมเองผมก็ต้องพัฒนาระบบงานของผมต่อไปตามบทบาทหน้าที่ๆผมรับผิดชอบ สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่านโชคดี และขอขอบคุณที่กรุณาสละเวลาเข้ามาอ่านบทความ(ที่อาจจะไร้สาระ)ของผมครับ



ธนสิทธิ์  ภู่ขาว
จพ.สธ.ชำนาญงาน