พอดีผมได้เห็นข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ หัวข้อ "เจาะลึก...รพ.สต.!วันที่เป็น'หมออนามัยหน้าจอ'" จริงๆแล้วผมเองรู้สึกเฉยๆ และ คิดว่าจะไม่ยุ่ง (แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้) ตลอดระยะเวลาของการทำงาน IT 10 กว่าปีของผม ตั้งแต่กระทรวงสาธารณสุขเริ่มคิดแนวทางพัฒนาแฟ้มข้อมูลมาตรฐานสำหรับเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงข้อมูลด้านสาธารณสุขจากโปรแกรมที่มีหลากหลายในประเทศไทย เริ่มจาก 18 แฟ้ม-->18+12 แฟ้ม-->21 แฟ้ม-->43 แฟ้ม และ ล่าสุด New 43 แฟ้มที่กำลังจะประกาศออกมาในปี 2558 นี้
ในความเห็นโดยส่วนตัวของผมกระทรวงสาธารณสุขมีแนวคิดที่มาถูกทางแล้ว และ หากสามารถทำได้จริง โปรแกรมระบบงานสาธารณสุขจะเป็นเหมือน Smart Phone ยิ่งออกมามากเท่าไหร่ก็ต้องยิ่งแข่งกันพัฒนาไม่ใช่ผูกขาดแล้วใช้ความได้เปรียบว่าคนใช้มากกว่ามาเป็นข้อต่อรอง ซึ่งเมื่อใดที่เกิดการบังคับใช้โปรแกรมของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง การพัฒนาจะช้าลง และบริษัทจะเป็นผู้ถือนโยบายแทนส่วนกลาง (ต้องทำงานตามโปรแกรม ไม่ใช่กำหนดให้โปรแกรมตอบระบบงาน) ซึ่งในเรื่องของการพัฒนาแฟ้มมาตรฐานนั้นต้องอดทนรอคอยเพราะต้องปรับจูนปัญหาที่พบจากการทำงาน และพัฒนาให้ตอบโจทย์การทำงานให้ได้อยู่ตลอดเวลา แต่ในความเป็นจริงแล้วเราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เปลี่ยนแปลงแบบเปลี่ยนทิ้ง สร้างใหม่มาอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ทุกอย่างมันไม่นิ่งแฟ้มที่ควรจะอยู่นิ่งก็ถูกปรับไปด้วย จึงทำให้ทุกอย่างเกิดความยุ่งยากวุ่นวาย เปรียบเสมือนกันกับเด็กกลุ่มนึงที่ไม่มีใครอ่านหนังสือออก แต่กำลังเดาเนื้อหาของหนังสือที่วางอยู่ตรงกลางวงสนทนา...
ก่อนที่ผมจะเข้าเรื่องผมขอเกริ่นนำนิดนึงว่าเรื่องที่ผมจะวิพากษณ์ต่อไปนี้อาจจะยืดยาวสักเล็กน้อย และเป็นความคิดเห็นของผมเพียงคนเดียว จากประสบการณ์ทำงานด้าน IT มาตลอดระยะเวลาตั้งแต่อายุ 20 กว่าปี จนปัจจุบันอายุก็ย่างเข้าเลข 4x แต่สิ่งที่อยากให้เกิดกลับย่ำอยู่กับที่ และหวังว่าก่อนเกษียณผมคงจะได้เห็นระบบที่ฝันไว้เกิดขึ้นจริง...
เข้าเรื่องนะครับบังเอิญผมเห็นเนื้อหาข่าวที่หลายๆท่าน Share กันอยู่บน Social Network แล้วก็วิจารณ์กันอย่างมันส์ในอารมณ์ในสถานการณ์ที่กำลังครุกรุ่นวุ่นวายภายในกระทรวงสาธารณสุข
เนื้อหาข่าว : http://www.komchadluek.net/mobile/detail/20140619/186751.html
อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวที่ผม Post ไว้ใน Social Media ผมเองไม่ได้เข้าข้างฝั่งใดและขอพูดตามเนื้อผ้า ตามหน้างานที่ผมเห็นมา(เป็นความเห็นส่วนตัวของผมทั้งสิ้น)
เมื่ออ่านเนื้อหาตามข่าวเสร็จผมจึงเกิดข้อสงสัย ดังนี้ครับ
เออ...ผมไม่ได้จะขัดนะครับเห็นด้วย แต่ว่า
1. "จึงไม่ควรบีบการทำงานด้วยการกำหนดเวลาที่ต้องส่งบันทึกข้อมูลเพื่อรับเงิน" ใครบังคับหรือครับ ?
- แลกเปลี่ยนตามสิ่งที่เห็น และ รับทราบนะครับ ในเรื่องของข้อมูล สปสช. จ่ายเงินตามข้อมูลที่ส่งไปเท่านั้น ถ้าการคีย์เป็นภาระท่านไม่คีย์ส่งไปทาง สปสช.ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเพราะผลงานของ สปสช. คือ การบริหารจัดการเรื่องเงินเท่านั้น ดังนั้นคำว่า "หากข้อมูลที่ส่งไม่ครบหรือไม่ถูกต้องตามมาตรฐานที่กำหนด เงินที่จะได้รับก็จะถูกตัด" มันไม่มีการตัดนะครับแต่เป็นการจ่ายตามข้อมูลที่ส่งเข้าไปเท่านั้นเอง เช่น ที่จังหวัดผม จนท.หลายคนโทรมาสอบถามผมว่าคีย์ไม่ทันแน่ๆ มีปัญหาอะไรไหม ผมจะบอกว่าไม่ทันไม่เป็นไรแค่ไม่ได้เงินแต่เราเน้นคีย์เพื่อนำข้อมูลมาใช้ดังนั้นการให้สัมภาษณ์ว่า สปสช.บังคับ อาจจะไม่ใช่มันเป็นแค่เกณฑ์การส่งข้อมูลเท่านั้นเอง ส่วนงบประมาณก็ไม่ได้มีส่วนนี้ส่วนเดียวหลายท่านลืมเรื่อง งบฯ PP ที่เหมาจ่ายรายหัวไปแล้วหรือ? ไม่เห็นมีใครพูดถึง งบฯที่ท่านกำลังพูดกันอยู่นี้มันเป็นแค่เป็นเรื่องของการกระตุ้นการคีย์ข้อมูลเท่านั้นเอง เป็นแค่ส่วนนึงของงบฯ ที่ไหลเข้ามาจากงบฯ ที่มีอยู่อีกหลายก้อน
2. "และยกเลิกการบันทึกข้อมูลบางเรื่องที่ไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของหมออนามัย" เรื่องอะไรบ้างที่ไม่ใช่หน้าที่ของหมออนามัยครับ?
- เอ ??? ใน 21 แฟ้มมีเรื่องอะไรบ้างที่ไม่ใช่หน้าที่ของหมออนามัย อืม...นั่นสิ ผมเองกำลังคิดว่าหรือจะกลับไปยุคใช้ระเบียน รบ.1 ก 01 , 02 , 03 กันดี ตัดยาด้วยมือ เก็บข้อมูลด้วยทะเบียนมือ นั่งทอยรี่นับรายงานด้วยมือ... อืม...สำหรับผมประเด็นที่ 2 นี่น่าสนใจกว่าครับ....
3. ผมเองไม่ได้เห็นด้วยกับเรื่องการคีย์ทั้งหมดอยู่แล้ว ไม่เห็นด้วยแม้กระทั่งการต้องส่งข้อมูลรายบุคคลไปให้ส่วนกลาง รวมไปถึงการบังคับใช้โปรแกรมเดียวกัน หลายเรื่องที่มันไร้สาระ แต่ตามเนื้อข่าวที่ผมอ่านมานี่มันเป็นการพูดลักษณะว่าเน่า "เหมาเข่ง" ผมอยากให้ลองคิดดูดีๆครับว่าจริงๆแล้วมันมี ข้อดี ข้อเสีย อะไรมากกน้อยแค่ไหน ควรบอกข้อเสนอแนะทางออกเพื่อแก้ไขด้วยจะ Perfect มากเลยครับ
หลังจากนั้นได้เห็นหลายเจ้าหน้าที่หลายๆท่านพยายามทวงศักดิ์ศรีของหมออนามัยคืนมาผมจึงต้องลงข้อความไปอีกชุดนึงตามนี้
ต้องขอโทษด้วยนะครับถ้าเม้นท์ผมทำให้หลายท่านรู้สึกขัดใจ...แต่สิ่งที่ควรจะกระทำเลย คือ เราต้องเสนอทางออกให้ผู้ใหญ่ครับ ถ้าเราบอกแต่ความอยากแต่ไม่เสนอทางออกมันจะกลายเป็นเพียง "คำบ่น" จากคนทำงาน เขาไม่ทราบหรอกครับว่าต้องมีทางออกอย่างไร? ถ้าเราไม่เสนอไป... ถ้าต้องการให้ปัญหาถูกแก้ไข เราต้องชี้นำวิธีการครับ ข่าวที่เสนอมาข้างต้นเท่าที่ผมอ่านเหมือนเป็นการบ่นเสียมากกว่า... แต่จริงๆแล้วต้องกระเทาะให้เห็นถึงปัญหาครับ ผมขออนุญาตร่ายยาวอีกชุดนะครับ
1. ถามว่าในข้อมูล 21 แฟ้มที่เราคีย์ส่งกันนั้นข้อมูลอะไรที่เป็นภาระ ทั้งหมดจริงหรือไม่? ทำไมสมัยก่อนเราเอาโปรแรมมาใช้งานทั้งๆที่ไม่มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องเรายังคีย์ข้อมูลกันได้ เราคีย์ข้อมูลอะไรกัน?
เท่าที่ผมเห็นตอบตรงๆปัญหาจุกจิกในการคีย์ข้อมูลบางเรื่องมาจากเงื่อนไขที่ทาง จนท.สร้างขึ้นเอง หรือ โปรแกรมบังคับให้ต้องคีย์ เช่น การคัดกรอง DM&HT บางโปรแกรมต้องไปคีย์เป็นบริการด้วยให้ครบสูตรเปิดทั้ง Service ลง Diag ครบครัน ทั้งๆที่จริงๆแล้วไม่จำเป็นต้องลงเลยด้วยซ้ำ ท่านทราบหรือไม่ว่ารหัส Z คัดกรองนั้น สปสช.ไม่คิด Point ให้ ยกเว้นคัดกรอง 3 เรื่องเท่านั้น (จำไม่ได้) แล้วจริงๆแล้วทำไมท่านถึงต้องไปเพิ่มภาระการคีย์(ขออภัยนะครับ เนื่องจากจังหวัดผมใช้ 2 โปรแกรม อีกโปรแกรมนึงมีรายชื่อคนที่ต้องคัดกรองขึ้นมาแล้วคีย์ลงไปตรงๆเลยไม่ต้องไปเปิดบริการลงอะไรให้วุ่นวาย ผมเลยไม่ทราบว่าโปรแกรมอื่นเป็นอย่างไร?)
2. เมื่อตอบคำถามข้อ 1 ได้แล้ว สิ่งที่เป็นปัญหาเราจะมีหาทางออกเช่นไรเพื่อที่จะทวงคุณค่าและศักดิ์ศรีหมออนามัย....ต้องทำงานชุมชนจริงๆ แล้วกระทรวงจะทราบได้อย่างไรว่าเราทำงานชุมชนจริงๆ แน่นอนครับตอนนี้ทางท่านปลัดฯส่งสัญญาณบางอย่างมาแล้วว่าข้อมูลบางเรื่องเราอาจไม่ต้องคีย์ อาจให้ส่งเป็นรายงานแบบเดิม แต่ทางกระทรวง+สตง. อาจจะมีการลงสุ่มโดยการจ้างบริษัทมาลงสำรวจพื้นที่ว่าท่านได้ทำงานชุมชนจริงๆ ตามที่รายงานส่วนกลางไปหรือไม่? ซึ่งนโยบายยังไม่แน่ชัดแต่น่าจะออกมาในรูปแบบแนวๆนี้
ทุกคนทำงานมีความตั้งใจครับแต่ถ้ามันเป็นปัญหาผมอยากให้ท่านวิเคราะห์ว่าจริงๆแล้วนั้นปัญหา คือ อะไร? จากประเด็นที่กำลังกล่าวถึงจริงๆ หรือไม่? แล้วเงื่อนไขที่จะช่วยให้ปัญหาหมดไปมีอะไร? ถ้าหลายเสียงช่วยส่งออกไปในลักษณะนี้ผมคิดว่าปัญหาน่าจะได้รับการแก้ไขแน่นอน เหมือนปัญหา New 43 แฟ้ม ในตอนนี้ เท่าที่ทราบ สปสช.จะใช้ 43 แฟ้ม แต่เงินจะไม่มีการจัดสรรในกองทุน OP แล้ว...ความแน่ชัดรอฟังประกาศอีกครั้ง หรือ ไม่แน่หากกระทรวงยกเลิกการคีย์ข้อมูล(ท่านปลัดฯ ทราบปัญหานี้และลงสอบถามจากพื้นที่เอง) สปสช. อาจจะไม่มีงบฯ สำหรับการดำเนินการส่วนนี้ทั้งหมดเลยก็เป็นได้ ใครจะคีย์ก็คีย์ไป แต่ไม่มีเงินสำหรับเรื่องนี้ก็อาจเป็นได้ครับ
จริงๆแล้วในความเป็นจริงที่ผมรับทราบมามันเป็นเช่นดังที่ผมกล่าวมาในข้อความข้างต้นจริงๆ จนผมไปเห็นข้อความจากพี่สาวของผมที่กล่าวไว้น่าสนใจว่า
ดังนั้น การที่ผมเอาเรื่องนี้มา Post ใน Blog นี้ก็เพื่ออยากให้ จนท.ของเราลองมองดูในเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆว่าปัญหา คือ อะไร แก่นของปัญหาจริงๆแล้วมันอยู่ที่ไหน จริงๆแล้วเราต้องการอะไรกันแน่?
ผมคงไม่มีคำตอบสำหรับเรื่องนี้นะครับ ผมรู้แต่ว่าในส่วนของผมเองผมก็ต้องพัฒนาระบบงานของผมต่อไปตามบทบาทหน้าที่ๆผมรับผิดชอบ สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่านโชคดี และขอขอบคุณที่กรุณาสละเวลาเข้ามาอ่านบทความ(ที่อาจจะไร้สาระ)ของผมครับ
ธนสิทธิ์ ภู่ขาว
จพ.สธ.ชำนาญงาน
จพ.สธ.ชำนาญงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น